![]() |
"ทับทิมโทน ปี 2528" |
ผมก็เป็นคนหนึ่่่งทีชอบดูหนัง ทั้งไทยและเทศ ก็จะเลือกหนังที่เป็นกระแส อย่างหนังวัยรุ่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงวัยเรียน เมื่อสมัย 10 กว่าปีที่แล้ว หนังเทศยังไม่ค่อยรู้จักหรอก ถ้าไม่ดังจริงเทียบได้ก็ประมาณ คนเหล็ก 2029:THE TERMINATOR JUDEMENT DAY เรื่องนี้เขาดังจริง แต่ภาคแรกไ่ม่รู้จักหรอก เป็น วีดีโอคลาสเซ็ต เช่าบ้าง เพื่อนเช่ามาแล้วยืมต่อบ้าง ดูทุกเรื่องที่ดูได้ นักสะดง นักแสดงไม่รู้จักเล้ยย ...แต่ก็เป็นของแท้นะ ไม่มี วีดีโอผี แต่นาน น้านน จะมีโอกาสได้ดู
สมัยนั้นโอกาสที่จะได้ดูหนังนั้น มี 2 อย่าง คือ ดูกับเครื่องเล่นวีดีโอ (ก็ไม่ใช่ของตัวเองอีก) หรือไม่ก็ หนังกลางแปลง อันหลังนี่ได้ดูบ่อย เพราะอยู่บ้านนอก มีมโหรสพบ่อย งานประจำปีบ้าง งานปีใหม่บ้าง ลอยกระทงบ้าง มีงานอะไรก็ว่าไป... ทีขาดไม่ได้ในงานคือ หนังกลางแปลงเก็บค่า 10-20 บาท งานนึงก็ประมาณ 2 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน ส่วนใหญ่จะเป็นหนังจีนกำลังภายใน หนังจีนร่วมสมัย (หนังตระกูลผีกัด กับวิ่งสูฟัด)ซึ่งในยุค 80 นั้น หนังพวกนี้ครองใจคนไทย โดยเฉพาะเด็กบ้านนอกอย่างผม แล้วก็หนังไทยบู๊ระเบิดภูเขาเผา กระท่อม (ของเฮีย พันนา ฤทธิไกร) ผมว่าหนังที่เขาแสดงน่าจะเกินร้อยนะ อยากบอกคนที่ไม่เคยดูเขาแสดง ว่า มันส์มากครับสมแล้ว ที่เป็นครูของ จา พนม ช่วงนี้ก็ดูเอามันอย่างเดียว ซึ่งน้อยนักที่จะได้ดูซ้ำเรื่องเลยไม่ค่อยเจอพวก นักพากษ์ไม่ได้รับเชิญ ทุกครั้งที่มีโอกาสได้ดูเลยตื่นเต้น ว่าจะได้ดูเรื่องอะไร ผีในเรื่องมันจะกระโดดแตกแถว ตามซินแส หรือเปล่า พระเอกในเรื่องมันจะโดนไม้หน้าสามฟาดกี่ที จะมีฉากมอ"ไซค์ ผาดโผนหรือเปล่า หากคนเอาหนังมาฉายไม่มีแผ่นปิดหนัง ติดอยู่หน้าทางเข้าเก็บตั๋ว นั่นคืออารมณ์ดูหนังกลางแปลง ดีกว่าดูจากวีดีโอคลาสเซ็ตอีก
พอเริ่มโตขึ้น โลกกว้างขึ้น พบเจอเพื่อนหลากหลายขึ้น ผมก็มีโอกาสได้ดูหนังเทศเยอะขึ้นจากเพื่อนที่รู้จักเพิ่มขึ้นคือเรื่องนั้นก็คือ MISSION IMPOSSIBLE ภาคแรกที่นำโดย ทอม ครูส หลังจากนั้นก็ได้ดุูมาเรื่อย ๆ รู้จักดาราฮอลลีวูดเยอะขึ้น ก็เลือกดูที่ดัง ๆ ตามกระแสเหมือนเดิม เช่าซะเป็นส่วนใหญ่
เมื่อเริ่มยุคของ วีดีโอซีดี ความคิดในการดูก็เริ่มเปลี่ยนไป เลือกเช่าหนังที่มีความยาวมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ความยาวหนังจะอยู่ที่ 90-100 นาที ก็เลือกที่มีความยาว 120 นาทีมาดู เพราะรู้สึกว่าหนังความยาวระดับนี้ทำให้เราเริ่มดูหนังมากกว่าความสนุก หรือความมันส์ คือมันได้ศึกษาความรู้สึกตัวละคร ทำไมตัวละครถึงได้ทำแบบนั้น ฉากนั้นต้องการบอกอะไรคนดู ได้เจอเรื่องแปลกมากมาย บางเรื่องตัวละครพูดถึงหนังอีกเรื่อง ก็ทำให้อยากเอาเรื่องนั้นมาดู ว่าทำไมตัวละครถึงได้พูดถึงเรื่องนั้น ดูอีกเรื่องก็ทำให้อยากดูอีกเรื่องที่ถูกอ้างอิง
พอดูมากขึ้นก็เริ่มอิน เริ่มหาหนังสือมาอ่านจำพวก ENTERTAINMENT หนังสือพวกนี้จะมีการบอกรายละเอียดของหนังที่จะเข้าฉาย และขาดไม่ได้ในคำวิจารณ์ก็จะนำไปเปรียบเทียบกับหนังเก่า ๆ กับเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็ต้องสรรหามาดู
จนเรียนจบและเริ่มทำงานก็ไม่ค่่อยมีโอกาสได้ดูซักเท่าไร จนออกจากงานแล้วได้งานใหม่มาอยู่ร้านเช่าหนัง จึงได้มีโอกาสดูหนังอีกครั้ง จนเจ้าของเก่าเขาเซ้ง และได้เป็นเจ้าของเอง คราวนี้ก็ดูกันให้เบื่อตายกันไปข้างนึงเลย คราวนี้เลือกไม่ถูกเลยจะดูเรื่องอะไร มีเวลาอยู่กับหนังทั้งวันจน เกือบ 3 ปีแล้ว ก็รู้สึกว่าดูเปล่า ๆ ดูไปวันอย่างนี้ไปเรื่อยคงจะไร้ประโยชน์ นอกจากจะเอาบอกลูกค้าที่มาเช่าแล้ว ก็คงจะแค่ภูมิใจอยู่คนเดียวที่ได้ดูหนังมากกว่าคนอื่น
อย่ากระนั้นเลย ดูหนังแล้วมาเขียนบล็อก บอกความรู้สึกกับหนังเรื่องที่ดูดีกว่า เก็บเอาไว้คนเดียวว่าเรื่องนี้เป็นอย่่างไร ทัศนะของตัวเองเป็นอย่างไรหลังจากที่ได้ดู
นี่แหละที่ไปที่มาเขียนบทความนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น